
ปัญหาฝาเพดาน รั่ว อากาศ ร้อน มักจะเป็นปัญหาที่เกิดจากหลังคา ฉะนั้น ไม่ว่าจะมุง หลังคาด้วยวัสดุอะไรก็ตาม ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการมุงหลังคากับวัสดุนั้นๆ อย่างเคร่งครัด วัสดุแต่ละชนิดจะมีเทคนิคการมุงเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น
การมุงกระเบื้องโมเนีย ก็จะ มีการกำหนดว่า
1. หลังคาต้องเอียงไม่น้อยกว่า 17 องศา
2. ระดับหลังไม้เชิงชายคา รอบชายคาต้องสูงกว่าไม้ระแนง 25 มม.
3. ระดับหลังไม้เชิงชายคา ต้องสูงระดับหลังแป
นี้คือ ตัวอย่างหนึ่งของข้อกำหนดของวัสดุมุงหลังคาแต่ละชนิด ถ้าไม่ปฏิบัติตามหรือละเลย แม้แต่จุดเล็กๆ หลังคาที่มุง ก็มีโอกาส รั่ว ได้ หรือการมุงกระเบื้องลอนคู่ ผู้ผลิตกำหนดให้ตัดมุมกระเบื้อง ช่างบางคนแนะนำเจ้าของบ้านว่าไม่ตัดก็ได้ สิ่งที่จะเกิดตามมาในอนาคตคือหลังคารั่ว
การแก้ไขยุ่งยากกว่าการป้องกัน และปฏิบัติให้ถูกต้องตั้งแต่แรก
ส่วนวัสดุที่ซ่อมแซมหลังคาก็มีมากมาย ทั้งอะครีลิกที่ผลิตออกมาเพื่อใช้กับงานหลังคาโดยเฉพาะ อะครีลิก ที่ว่านี้ก็มีทั้งแบบที่เป็นของ เหลว คล้ายกับครีมทาหน้า เปิดกระป๋องออกมา ก็ใช้แปรงจุ่มน้ำทาได้เลย หรือทำมาเพื่ออุดตามร่องรอยรั่ว-ซึม เป็นต้น วัสดุ หลากหลายงานซ่อมหลังคา มีให้เลือกในหลายรูปแบบ เข้าใจวัสดุสักหน่อย ปัญหายากๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาง่ายๆ ได้
นอกจากปัญหาการมุงแล้ว การเปลี่ยนจากวัสดุมุงหลังคาประเภทหนึ่งไปเป็นอีกประเภทหนึ่ง ก็ต้องระมัดระวังเรื่องของ น้ำหนักที่โครงสร้างจะรับ ไม่ว่าโครงสร้างของหลังคาหรือโครงสร้างอาคาร เช่น เสาที่จะรับน้ำหนัก ต้องตรวจสอบว่าสามารถรับ น้ำหนักของวัสดุมุงหลังคาได้หรือไม่ เป็นต้น
การจะขึ้นไปยังจุดที่อยู่สูงจนเราไม่สามารถกระโดดขึ้นไปได้นั้น
จำเป็นต้องมีหรือใช้บันไดในการที่ขึ้นไปยังจุดๆ นั้น แต่หากบันไดที่ชำรุด ผุพัง ก็อาจจะทำให้เราสะดุดหกล้ม
ตกลงมาได้ง่าย
แต่ถ้าบันไดนั้นๆ แข็งแรง ทนทาน ก็ย่อมเป็นฐานที่ทำให้เราก้าวขึ้นไปได้อย่างมั่นใจ
และมั่นคง เช่นกัน บ้านก็เช่นเดียวกัน บ้านไหนที่มีมากกว่า 1 ชั้น
ก็ต้องมีบันไดเพื่อขึ้นไปบนชั้นอื่น การสร้างบันได ไม่ใช่จะสร้างอย่างไรก็ได้
แต่ต้องให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย และก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านนั่นได้ง่ายๆ
ตามศาสตร์ของ ฮวงจุ้ยจีน เชื่อว่า
บันไดเป็นทางผ่านของพลัง และยังเป็นจุดที่เพิ่มพลังให้กับบ้านได้อีกด้วย
หากสร้างให้ถูกวิธีจะช่วยทำให้บ้านมีแต่ความสุข
ลักษณะของบันไดบ้านที่ดีมีดังต่อไปนี้
- บันไดบ้านไม่ควรอยู่ตรงกับประตูหน้าบ้าน
เพราะประตูหน้าบ้านเป็นทางเข้าของพลัง หากพลังมาเจอกับบันไดที่ขวางอยู่
ก็สามารถทำให้พลังนั้นลดลง หรือบั่นทอนลงไปได้
- บันไดบ้านไม่ควรอยู่ใกล้กับประตูหน้าบ้านที่หันไปทางทิศใต้
เพราะในช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่แดดจะส่องเยอะ
หากสะท้อนเข้ามาในบ้านพอดี จะทำให้หน้ามืด มองไม่ชัด สายตาพร่ามัว
อาจจะเกิดอุบัติเหตุจากการขึ้นลงบันไดได้
- บันไดบ้านไม่ควรอยู่ใกล้กับประตูหน้าบ้านที่หันไปทางทิศเหนือ
เพราะในฤดูหนาวลมจะพัดเข้ามาในบ้าน และพัดขึ้นไปชั้นบน
ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของคนในครอบครัว
บันไดบ้านควรหันไปคนละทางกับประตูหน้าบ้าน
จึงจะเป็นบันไดที่ดี มีผลดีต่อพลัง และสมาชิกในครอบครัว
ทั้งนี้ หากบันไดของคุณตรงกับประตูหน้าบ้านแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องรื้อสร้างใหม่ อาจจะหากฉากกั้นมากั้นระหว่างบันไดกับประตู
หรือจัดวางตู้โชว์ หรือทาบันไดเป็นสีขาวก็ได้ ก็สามารถแก้เคล็ดดังกล่าวนี้ได้

ปัญหาแตกร้าวของฝาผนังนั้นเป็น
"คู่กรรม-คู่เวร" กับผนังอิฐฉาบปูนจริงๆ และถ้าเกิดจากปัญหาโครงสร้างด้วยแล้วล่ะก็ควรให้มืออาชีพรีบมาตรวจสอบแก้ไขแต่เนิ่นๆ
ไม่ควรปล่อยไว้นาน เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น การรั่วซึมได้
แต่ถ้าเป็นรอยร้าวเล็กๆน้อยๆ หรือการแตกลายงาบนผนัง "ช่างในบ้าน" อย่างเราๆ
ก็พอจะซ่อมแซมกันเองได้
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สีเท็กซ์เจอร์ที่ใช้ทาทับรอยร้าวได้โดยไม่ต้องเรียกช่างมาสกัดผนังและฉาบปูนให้ยุ่งยาก
*เครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็น
-แปรงพลาสติก
-เกรียงโป๊
-สีเท็กซ์เจอร์และลูกกลิ้ง (มีให้เลือกทั้งชนิดหยาบหรือละเอียดตามความต้องการ)
-ภาชนะหรือถาดสำหรับใช้ผสมสี
- สีน้ำพลาสติก (เลือกเฉดสีตามความชอบส่วนตัว)
ขั้นตอนการทำงาน
1. ใช้แปรงพลาสติกขัดล้างทำความสะอาดพื้นผนังที่จะตกแต่งด้วยสีเท็กซ์เจอร์เสียก่อน
กรณีผนังเดิมผ่านการทำสีมาแล้ว ให้ใช้เกียงโป๊ขูดลอกสีเก่าออกให้หมด
จากนั้นทาสีรองพื้น 1-2 เที่ยว
เพื่อป้องกันความชื้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะระหว่างพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น
แล้วปล่อยให้ผนังแห้งสนิท
2.
ใช้ลูกกลิ้งจุ่มสีเท็กซ์เจอร์ชนิดหยาบหรือละเอียดในภาชนะแล้วกลิ้งไปบนพื้นผนังช้าๆ
ทีละ 30-40 เซนติเมตร หรือประมาณหนึ่งรอบของลูกกลิ้ง และเมื่อทาได้พื้นที่หนึ่งตารางเมตรแล้ว
ให้กลิ้งลูกกลิ้งทับอีกรอบหนึ่ง โดยกลิ้งไปในทิศทางเดียวกัน
และคอยระวังให้รอยต่อของสีเรียบสม่ำเสมอกัน
ในกรณีที่ต้องการตกแต่งลวดลายที่ต่างไปจากลูกกลิ้ง อาจใช้เกรียงหรืออุปกรณ์อื่นๆ
ช่วยทำลวดลายได้ตามใจชอบในทันทีที่ฉาบสีเท็กซ์เจอร์แล้ว
3.ผิวเท็กซ์เจอร์ที่ปรากฏขึ้นอาจบางหรือหนา สั้นหรือยาวบ้าง
ขึ้นอยู่กับน้ำหนักมือที่เรากลิ้งเนื้อสีไปที่ผนังนั่นเอง
และเมื่อปล่อยให้ผนังแห้งพอประมาณ (3 ชั่วโมง) แล้ว
ให้นำเฉดสีที่ต้องการมาทาทับหน้าอีกครั้งเพื่อความสวยงาม
และสามารถใช้งานได้หลังจากผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง หมายเหตุ :
การทำพื้นผิวในลักษณะนี้ อาจทำให้ผนังห้องมีการสะสมฝุ่นมากกว่าปกติ
ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ
ขอขอบคุณ : บริษัท โจตันไทย จำกัด
เอื้อเฟื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทาสีเท็กซ์เจอร์ (สีนูนโปร์ไฟล์)
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2750-3355
*** สีเท็กซ์เจอร์ เป็นสีที่มีส่วนผสมของเกล็ดหินอ่อนเพื่อให้มีพื้นผิวที่ขรุขระ
สามารถฉาบทับรอยร้าวและพื้นผิวที่ไม่เรียบได้ดี
และช่วยปกปิดรอยต่อของแผ่นฝ้าเพดานได้มิดชิด
เหมาะสำหรับงานตกแต่งพื้นผิวทั้งภายในและภายนอกอาคาร มีให้เลือกใช้ 2
รูปแบบด้วยกันคือ ชนิดละเอียด (FINE) ซึ่งออกแบบมาสำหรับงานที่ต้องการสร้างลายแบบละเอียดหรือดูเหมือน"เม็ดทราย"
และชนิดหยาบ (COARSE) มีเนื้อสีที่หยาบและขรุขระ
ให้ลายที่ชัดเจน ใช้ได้กับผนังคอนกรีต งานอิฐ ไม้ ฯลฯ
เรื่องน่ารู้
การเลือกสีทาบ้าน
สีทาบ้าน - อาจเรียกได้ว่า
เป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกรสนิยมของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี สีแต่ละสี
ย่อมให้ความหมาย ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป สีโทนเย็น ให้ความรู้สึกสงบเย็น ผ่อนคลาย ดูแล้วสบายตา มีความเป็นอิสระ เช่น สีขาวอมฟ้า
สีม่วง สีเขียว และน้ำเงิน ในส่วนของสีโทนร้อนหรือโทนอุ่นนั้น
จะให้ความรู้สึกที่สดใส รู้สึกตื่นตัวกระฉับกระแฉง กระตือรือร้น มีชีวิตชีวา เช่น
สีส้ม สีแดง สีขาวอมเหลือง
โทนสีและผลของ ความรู้สึก
ความรู้สึก ในการมองสีแต่ละสี ย่อมไม่เหมือนกัน สีดำ ให้ความรู้สึก เข้มแข็ง ดูทันสมัย มักนิยมใช้เป็นสีพื้น
เพราะสามารถทำให้สีอื่นๆ ที่ร่วมด้วย ดูโดดเด่นชัดขึ้น แต่ทั้งนี้ สีดำปกติแล้ว
ไม่นิยมนำมาใช้เป็นสีทาบ้าน แต่อาจใช้เป็นสีพื้นของเฟอร์นิเจอร์แทน
หากเป็นสีทาภายในแล้วหละก็ โทนดำๆ เทาๆ อาจทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกหดหู่ได้
สีน้ำตาล เป็นสีออกแนวธรรมชาติ
ซึ่งดูอบอุ่นสวยงาม สามารถนำมาใช้ได้กับทุกห้อง หากเป็น สีเขียวก็เช่นเดียวกัน ปกติจะหมายถึงสัญลักษณ์ของธรรมชาติอยู่แล้ว การทาสีบ้าน สีน้ำตาลและเขียว
เปรียบเสมือนต้นไม้ใบหญ้า ส่งผลให้ผ่อนคลายสภาพจิตใจก็ดีไปด้วย เหมาะมากๆ กับการทาสีบ้าน
ทาสีห้องนอน หรือห้องอื่นๆก็ได้
สีน้ำเงิน หรือจะเป็นโทนสีฟ้า สีนี้ทำให้ดูสดใส ร่าเริง เบิกบาน สบายตา
ข้อดีคือทำให้ห้องดูกว้างและมีชีวิตชีวา เหมาะกับ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ
หรือห้องทั่วๆไปแล้วแต่ความชอบส่วนตัว
โครงสี ขั้นตอนการกำหนด
โครงสี นั่นหมายถึง
สีหลักที่จะใช้ทาบ้าน เช่น ทาสีผนังบ้าน พื้น เพดาน พรม โดยทั่วไปแล้ว
มักนิยมใช้เพียงแค่ประมาณ 3-4 สี
โดยให้เป็นสีต่างกันแต่โทนเดียวกัน เพื่อความกลมกลืน ทั้งนี้ บ้านที่มีสีกลมกลืนกัน
ยังถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยจีนอีกด้วย ทำให้ผู้อยู่อาศัยรักใคร่และกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยจะมีขั้นตอนการเลือกกำหนดโครงสีดังนี้
- เลือกสีหลัก หมายถึง
สีที่ใช้สำหรับพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้อง เช่น สีทาพื้นเพดาน ฝาผนัง
โดยต้องกำหนดสีที่โดนใจมาก่อนสักหนึ่งสี แล้วจึงเลือกระดับสีอ่อนเข้ม หากอ่อน
ก็จะช่วยหลอกตาให้ห้องดูกว้างขึ้นได้
- เลือกสีรอง หมายถึง สีที่เข้ากันได้กับสีหลัก
คำว่าเข้ากันได้นี้ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นโทนเดียวกันเสมอไป แต่อาจหมายถึง
สีตัดกันก็ได้ แต่ไม่ควรเกิน 2 สี อาจใช้กับ ประตู
หน้าต่าง ผนังห้องบางส่วน เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก
- เลือกระดับความเข้มของสี ในสีเดียวกันนั้น ยังมีสีย่อยๆ
ได้อีกหลายสี โดยสามารถปรับระดับความเข้มอ่อนของสี ใช้น้ำหนักที่แตกต่างกัน
เพื่อให้ห้องดูกลมกลืน อบอุ่น เช่น หากห้องของคุณมีสีหลักเป็นสีฟ้า
อาจมีสีรองเป็นสีเหลือง คุณอาจเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ผ้า
ในโทนสีเหลืองเข้มก็ได้
- เลือกเน้นสี หมายถึง สีของวัตถุ
ที่ใช้สำหรับตกแต่ง วัตถุชิ้นเล็กๆ
ส่วนใหญ่มักนิยมใช้วัตถุที่มีสีสันต่างจากสีหลักและสีรอง
เพื่อความโดดเด่นของวัตถุ ส่งผลให้มีความสดชื่น มีชีวิตชีวา แต่ทั้งนี้
ก็ไม่ควรเยอะจนเกินไป
สีตัดกัน
การเลือกโทนสีที่ตัดกัน ก็เป็นที่นิยม โดยเป็นสีตามคู่ตรงข้ามนั่นเอง
เช่น สีน้ำเงินตัดกับสีส้ม สีเหลืองตัดกับสีม่วง สีแดงตัดกับสีเขียว
สีที่ตัดกันจะทำให้ห้องดูสดใส ไม่น่าเบื่อ เช่น หากคุณเลือกสีห้องในโทนสีน้ำเงิน
หรือฟ้า คุณอาจใช้ผ้าม่าน หรือผ้าปูที่นอน สีส้ม ก็จะทำให้ดูตัดกันได้อย่างลงตัว
"ต้นไม้" ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยทำให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น...
เพราะนอกจากต้นจะให้ความร่มรื่น สวยงามแล้ว ต้นไม้ยังมีประโยชน์อีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ร่มเงาแก่บ้าน ช่วยให้อากาศสดชื่น แถมยังลดมลพิษภายในบ้านได้อีกด้วย
ส่วนการปลูกต้นไม้ในบ้านนั้น ตามตำราความเชื่อแต่โบราณที่สืบต่อกันมา เขาบอกว่า
มีต้นไม้หลายประเภท หลายชนิดที่ไม่ควรปลูกในบ้าน เพราะถือว่าเป็นไม้อัปมงคล
ถ้าหากปลูกไปแล้วก็จะนำมาแต่ความเดือดร้อน หรือความไม่สบายใจมาให้ผู้อยู่อาศัย
วันนี้เราก็มีข้อมูลจาก คู่สร้าง คู่สม และ สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองน่าน
จ.น่าน ในเรื่องของ "ต้นไม้ที่ไม่ควรปลูกในบ้าน" มาฝากเพื่อน ๆ กัน ไปดูกันซิว่า
จะมีต้นไม้ต้นใดที่ไม่ควรปลูกในบ้านบ้าง แล้วไม่ควรปลูกเพราะอะไร...
เรื่องอย่างนี้ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ ลองอ่านดูแล้วดูว่ามันจริงตามที่เขาแนะนำรึเปล่า
สำหรับต้นไม้ที่ไม่ควรปลูกในบ้านมีดังนี้...
กระทุ่ม : ชื่อมีความหมายถึงทุ่ม
หรือขว้างปา
กล้วยตานี : ถือว่ามีนางตานี
ปีศาจร้ายอาศัยอยู่ ไม่นิยมปลูกในบ้าน
ชบา
: ในอินเดียตอนใต้ใช้ดอกชบาร้อยเป็นพวงมาลัย
สวมคอนักโทษที่กำลังจะถูกประหารชีวิต จึงเชื่อว่าเป็นดอกไม้อัปมงคล
ชวนชม : เป็นไม้ประดับสวยงาม
ที่มีความหมายในทางชักชวนให้เชยชม
บ้านที่มีลูกสาวจะไม่ยอมปลูกต้นไม้ชนิดนี้เด็ดขาด
ตะเคียน : เป็นไม้ยืนต้นที่เชื่อกันว่า
มีผีนางไม้สิงอยู่
เต่าร้าง : ชื่อออกไปในทางหย่าร้าง
ต้นสน : เชื่อว่าถ้าปลูกแล้วจะขัดสนไปตลอดชีวิต
ต้นรัก : เพราะเชื่อว่า
จะทำให้ความรักยุ่งยากขึ้น และกลายเป็นคนมากรัก นอกจากนี้ ยางของต้นรัก
ยังเป็นอันตรายต่อผิวหนังด้วย
ต้นระกำ : ถือว่าชื่อต้นระกำนั้น
ไม่เป็นมงคลตั้งแต่โบราณมา จึงเชื่อกันว่า หากปลูกต้นระกำไว้ในบ้าน
จะทำให้ได้รับความชอกช้ำ ระกำใจ อยู่ตลอดเวลา
ต้นซ่อนกลิ่น : มีอีกชื่อว่า
ต้นซ่อนชู้ เป็นไม้ที่ไม่มงคลตามชื่อ ซึ่งหากนำมาปลูกในบ้าน
จะทำให้ความรักความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวเกิดปัญหากันขึ้น
ต้นมะระ : เป็นไม้เลื้อยก็ไม่ปลูกในบ้านเหมือนกัน
ถั่วแปบ : มีความหมายว่า กะปอบ กะแปบ
แปลว่า กะปริดกะปรอย คือ ค่อนข้างขัดข้อง ไม่ได้สะดวก
นางแย้มป่า : คนโบราณเชื่อว่าเป็นต้นไม้ผีสิง
วันดีคืนดีจะกลายเป็นผีเอาก้อนอิฐขว้างปาบ้าน
น้ำเต้า : เป็นไม้เถา
รูปร่างคล้ายนมสตรี คนมีวิชาคาถาอาคม ห้ามกิน และห้ามลอดร้านน้ำเต้า
ไผ่ : บางท้องถิ่นถือว่า
ต้องให้ผู้สูงอายุปลูกถึงจะดี หนุ่มสาวห้ามปลูก
เพราะถือกันว่าลำต้นไผ่ใช้เป็นคานสำหรับหามโลงหรือผีไปฝังในป่าช้า
ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นมะขาม และ ต้นตาล : เป็นไม้ใหญ่ ไม่นิยมปลูกใกล้บ้านหรือในรั้วบ้าน เชื่อว่ามีวิญญาณอาศัยอยู่
พุดตาน : เนื่องจากดอกพุดตานเปลี่ยนสีได้ตลอดวัน จากขาวเป็นชมพูอ่อน
และเข้มขึ้นในตอนบ่าย ทำให้เจ้าของเป็นคนสับปลับ
เพกา : เป็นของต้องห้าม
ฝักมีปลายแหลมเหมือนคมหอก ดาบ ตรีศูลหรือนพศูลนพศูลที่อยู่บนยอดปรางค์
บางทีก็เรียกว่า ฝักเพกา
ปรง : ภาคกลางไม่นิยมปลูกในบ้าน
เพราะถือกันว่า ใบของมันมักถูกนำมาใช้ประกอบหีบศพหรือทำพวงหรีด
มะละกอ
: ชื่อคล้าย
มร หรือ มะระ แปลว่า ตาย เอามาปลูกไว้ในรั้วบ้าน จะทำให้ฉิบหายวายวอด
มักนิยมปลูกนอกรั้วบ้าน หรือในสวนไกลออกไป
มะตูม : ปลูกในรั้วบ้านอาจเกิดอุบัติเหตุ เกิดอัคคีไฟตูมตามแน่
มะขามเทศ กับ หวาย : เป็นไม้มีหนามซึ่งถือกันว่า
เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ
มะพูด : เป็นต้นไม้ใหญ่เหมือนกัน
มีอาถรรพณ์บางอย่าง
มะเฟือง : ท่านว่าไม่ดี คนมีวิชาอาคม
หรือถูกลงยันต์ห้ามลอดกิ่งมะเฟือง
มะรุม : ผู้คนจะมารุมข่มเหงเอา
มะกอก : เชื่อว่าจะทำให้เจ้าของบ้านกลายเป็นคนกลับกลอก
เชื่อถือไม่ได้
รักเร่ : ใครปลูกจะเป็นคนหลายใจ
เร่ขายรัก
ลั่นทม
: ปลูกไว้ในบ้านไม่ดี
มีสุขจะกลายเป็นทุกข์ คู่ครองจะห่างเหิน จะมีแต่ความทุกข์ นานาประการ คำว่า ลั่นทม
ออกเสียงคล้ายระทม อันแปลว่าความทุกข์ แต่ภาคเหนือ เรียกลั่นทมว่า
"จำปาลาว" ทางภาคอีสานเรียกว่า "จำปา"
ไม่มีความหมายของความทุกข์จึงไม่ถือกัน
หลุ่ย : ต้นไม้ประเภทนี้มีฝัก
มักขึ้นในดินแดนใกล้ทะเล เอามาปลูกในบ้าน จะทำให้หลุดลุ่ย บ้านจะเป็นความ
ต้องรื้อถอน ต้องขายโยกย้ายกระจายไป
หลิว : คนจีนไม่นิยมปลูกในบ้านเพราะใบหลิวลู่ย้อยลงมา
เป็นสัญลักษณ์คล้ายคนโศกเศร้า เห็นเข้าทำให้อารมณ์เศร้าซึม
เขาว่าบ้านใดมีลูกสาวและปลูกต้นหลิวไว้ในบ้านด้วย ลูกสาวบ้านนั้นจะไม่มีใครมา
สู่ขอและต้องเป็นสาวแก่ทึนทึกไปจนตาย
โศก : โบราณว่าหมายถึงความโศกเศร้า
สลัดได : ไม่นิยมปลูกในรั้วบ้านเช่นกัน
เพราะหมายถึง การสลัดโชคลาภออกไปจากบ้าน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
การปลูกต้นไม้แต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของเจ้าของบ้าน
เพราะบางทีความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมาอาจจะเป็นกลอุบาย ที่มีแง่คิด หรือคำเตือน
แอบแฝงอยู่ เช่น โบราณว่าไว้ว่าห้ามปลูกต้นไม้จำพวกต้นไม้ใหญ่ที่ระหลังคา
นั้นก็เป็นเพราะว่า เมื่อต้นไม้ดังกล่าวแผ่กิ่งกระจายไป
ต้นไม้เหล่านั้นอาจจะเป็นทางเดินให้กับขโมย
หรือเป็นเพราะต้นไม้กิ่งใหญ่อาจจะทำให้หลังคาเกิดความเสียหายก็เป็นได้นะครับ แต่จะว่าไปการปลูกต้นไม้
ไม่ว่าชนิดไหน ๆ ก็ให้ประโยชน์แก่สิ่งมีชีวิต และเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์อย่างแน่นอนและที่สำคัญยังทำให้บ้านเราน่าอยู่กินด้วย
สมัยนี้การตกแต่งบ้านก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะมองข้ามไม่ได้
เพราะอะไร? ก็เพราะบ้านเป็นสถานที่สำหรับพักอาศัยและประกอบกิจกรรมต่างๆ
ในชีวิตของเรา มีผลทางด้านจิตใจของผู้อยู่อาศัย ตัวอย่างเช่น บ้านที่มีการตกแต่งรอบบริเวณบ้านไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสวนหน้าบ้านหรือหลังบ้าน
ส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือ ห้องนอน บ้านนั่นก็จะดูสวยงามมีความรู้สึกอบอุ่นสบายกายสบายใจผ่อนคลายเมื่อได้อยู่ในบ้านหลังนั่น
แต่ถ้าเป็นบ้านที่ไม่มีการตกแต่งอะไรเลย บ้านหลังนั่นก็จะเต็มไปด้วยความรู้สึกจืดชืด
เย็นชา ไร้สึกอารมณ์ใดๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั่นเกิดความไม่สบายกายสบายใจยามที่อยู่ในบ้านหลังนั่น
ดังนั้นเราควรจะต้องมีการตกแต่งบ้านบ้าง
แต่เราจะตกแต่งยังไงนั่นลองอ่านคำแนะนำข้างล่างนี้ดู
1. ความปลอดภัย
ในการจัดตกแต่งบ้านควรคำนึงถึงความปลอดภัยของสมาชิกในบ้าน
โดยการเลือกเครื่องตกแต่งบ้านที่ไม่มีมุมแหลม ไม่แตกหักง่าย ไม่เกะกะทางเดิน
และควรป้องกันอันตรายที่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็น เช่น จักว่างตู้ยาไว้ในที่สูง
และจัดเก็บสารเคมี ยาฆ่าแมลงในบ้านให้พ้นมือเด็ก รวมทั้งไม่จัดของขวางทางเดิน
ไม่ขัดพื้นจนเป็นเงามัน เพราะว่าจะลื่นหกล้มหรือตกบันไดได้ นอกจากนี้
การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าตลอดการเดินสายไฟฟ้า จะต้องอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย
2. ถูกสุขลักษณะและสะอาด
ในการจัดบ้านจะต้องจัดให้อากาศถ่ายเทสะดวกไม่ควรจักว่างสิ่งของปิดบังทิศทางลม
และจัดให้มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดทึบ
รวมรวมทั้งควรทำความสะอาดเครื่องตกแต่งบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ
เพื่อสุขอนามัยของคนในบ้าน
3. สะดวกในการใช้สร้อย
ในการจัดตกแต่งบ้านควรคำนึงถึงความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ
โดยการจัดทางเดินต่างๆ
ชองบ้านให้สัมพันธ์กันสามารถเดินไปมาได้สะดวกจัดหาเครื่องที่มีขนาดและจำนวน
เหมาะสมสมกับเนื้อที่
เลือกเครื่องที่สะดวกในการใช้สร้อยและทำความสะอาดได้ง่าย เช่น
เครื่องเรือนที่มีล้อ
สามารถเคลื่อนย้ายได้และจัดอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ให้สะดวกต่อการหยิบใช้
เช่น ไม่ว่างเครื่องมือเครื่อง
ใช้ที่ใช้บ่อยๆ ในที่สูงเกินมือเอื้อมถึง
และจัดอุปกรณ์ให้เป็นหมวดหมู่ เป็นต้น
4. ความสบาย
การจัดตกแต่งบ้านให้ให้มีเครื่องช่วยป้องกันความจ้าของแสงแดด เช่น
ม่าน มู่ลี่ มีช่องระบายความร้อน และให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
สามารถมองเห็นทิวทัศน์ในบ้านหรือนอกบ้านที่ทำให้เกิดความเพลินได้ เป็นต้น
5. ความมีระเบียบและความสวยงาม
ในการจัดตกแต่งเครื่องเรือนควรมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
สิ่งของที่จัดว่างมากเกินไป
และสิ่งของที่จัดว่างไม่เป็นระเบียบจะทำให้ความสวยงามลดลงนอกจากนี้นอกจาก
การตกแต่งบ้าน
ควรนำเรื่องการใช้สีซึ่งเป็นหลักการศิลปะมาใช้จะทำให้บ้านสวยงามน่าอยู่ยิ่งชึ้นควรนำไม้
ดอกไม้ประดับมาใช้ตกแต่งบ้าน เพื่อเพิ่มความสวยงาม เช่น
ใส่แจกันดอกไม้สด ไม้ประดับแบบแชวน เป็นต้น
6. ความประหยัด
การจัดตกแต่งบ้านควรคำนึงถึงความประหยัดทั้งเวลา
แรงงานและเงินโดยพิจารณาเรื่องดูแลรักษา ทำความสะอาด ราคาสิ่งของที่นำมาตกแต่งบ้าน
การใช้เครื่องทุ่นแรงจะทำให้ช่วยประหยัดเวลาและแรง แต่ก่อนการซื้อควรพิจารณาราคากับความคุ้มค่าของการใช้สร้อย
นอกจากสิ่งนั้นสิ่งของเครื่องใช้บางอย่าง
ที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน หากเราสามารถประดิษฐ์เองได้
ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวลงได้
เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 54 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกันทั่วหน้า หลายจังหวัดบ้านต้องจมอยู่ในน้ำกันเป็นเดือนๆ พืชผลทางการเกษตรเสียหายนับแสนไร่ ทำให้ต้องหันกลับมาคิดก่อนที่จะซื้อหรือปลูกบ้าน ว่าควรจะเลือกอยู่ตำแหน่งใดที่ไม่ต้องเจอกับน้ำท่วม หลักฮวงจุ้ยมีสอนเอาไว้ครับ "สร้างบ้านบนเนินไง น้ำไม่ท่วมแน่ๆ" เนิน ในทางฮวงจุ้ย มีพูดเอาไว้มากมาย
โดยเฉพาะในวิชาตี่ลี่ฮวงจุ้ย จะสอนเรื่องของการดูพื้นที่ดินในการสร้างบ้านให้ปลอดภัยและมั่นคง ทำให้ผมนึกได้ถึงเนินๆ หนึ่ง ที่ตำราฮวงจุ้ยระบุเอาไว้ว่า เป็นเนินที่มีความเป็นเลิศ เนินที่ว่าก็คือ "เนินหลังเต่า"
เนินหลังเต่า ถือเป็นลักษณะมงคลในทางฮวงจุ้ย เพราะเต่าให้ความหมายถึงความยั่งยืน ยาวนาน การสร้างบ้านอยู่บนเนินหลังเต่า ผู้อยู่อาศัยก็จะได้รับผลในเรื่องของความมั่นคง นั่นเอง จริงๆ แล้ว สมัยก่อนบ้านที่สร้างบนเนินจะให้ประโยชน์ในเรื่องของความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองจีนในสมัยนั้น ลักษณะของเนิน จะเป็นรูปทรงโค้งคล้ายกระดองเต่า
บ้านที่สร้างบนเนินนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมบ้านคงเป็นไปได้ยาก เพราะลักษณะของเนินจะช่วยระบายน้ำได้ดี น้ำจะไหลออกได้ทุกทาง ไม่เหมือนพื้นที่ราบทั่วๆไป น้ำอาจจะท่วมขังได้ง่ายกว่า
ส่วนกรณีที่บ้านอยู่ติดน้ำที่มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเจอกับน้ำท่วมการสร้างบนเนินถือว่าควรทำอย่างยิ่งเพื่อป้องกันน้ำท่วม หรือน้ำเซาะตลิ่งหรือฐานของบ้านพังอีกด้วย
ส่วนกรณีที่บ้านอยู่ในตำแหน่งที่มีถนนพุ่งเข้าชนไม่ว่าจะเป็นถนนตรงหรือถนนโค้งบ้านที่อยู่บนเนินหลังเต่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย เพราะกระแสที่วิ่งมาปะทะไม่โดนตัวบ้าน เนินดินจะเป็นตัวป้องกันหรือกันชนเอาไว้
นอกจากนี้บ้านที่สร้างบนเนินยังได้ประโยชน์ในอนาคตข้างหน้าอีกด้วยเผื่อมีการยกถนนสูงด้านหน้าก็สามารถปรับพื้นที่ดินภายในบ้านได้ง่าย เพราะปัญหาเรื่องบ้านต่ำกว่าถนน ผมเองจะพบเจอปัญหานี่บ่อยมากโดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆจะมีการปรับถนนหนีน้ำกันอยู่เสมอถ้าบ้านไม่สร้างสูงเอาไว้ก่อนการจะมาปรับพื้นภายหลังจะไม่สามารถทำได้เลย หรือทำได้ก็เป็นเรื่องยุ่งยากมาก ต้องมีการเปลี่ยนแบบบ้านใหม่หมด เพื่อยกพื้นให้สูงขึ้นมาระดับเดียวกับถนน เพราะฉะนั้น ถ้ามองกาลไกลสักหน่อย ก็สร้างสูงเอาไว้ก่อนน่าจะเป็นเรื่องดีที่สุด คงจะทราบกันแล้วนะครับ ว่าสร้างบ้านแบบไหน ที่ไม่ให้น้ำท่วม....
ขอบคุณข้อมูลจาก Homedd
ต้นไม้ที่ปลูกหรือขึ้นเองรอบบ้านนั้นใครจะคิดว่ามีผลทางฮวงจุ้ยด้วยเหมือนกัน
โดยรอบบ้านโดยเฉพาะตำแหน่งของต้นไม้ดอกหรือต้นไม้ต่างๆ ที่อยู่ในบ้านหรือรอบๆ มีผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยภายในบ้านอย่างไม่รู้ตัว
ลองมาดูกันว่าต้นไม้ที่บ้านคุณ มีอะไรถูกหลักผิดหลัก ฮวงจุ้ย ยังไงบ้าง
1.หากคุณมีต้นไผ่ในบริเวณบ้านควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ หมั่นดูแลให้มีใบไผ่เขียวชอุ่มดกหนาอยู่รอบบ้าน
เพราะตามหลักฮวงจุ้ยจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความร่มเย็น เป็นสิริมงคล
แต่หากปลูกแล้วไม่ดูแล ปล่อยให้ดูโหรงเหรง อย่าปลูกดีกว่าเพราะถือเป็นอัปมงคล
2.หากบ้านมีมุมแหลมชี้เข้ามาปักหน้าบ้าน ให้ปลูกต้นไม้กั้นมุมแหลมนี้ไว้
เพื่อป้องกันความไม่สบายใจจากสิ่งชั่วร้าย
หรือจะปลูกบนดินหรือใส่กระถางก็ได้ตามใจชอบ
3.ใบไม้แห้งร่วงในบริเวณบ้านมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ
หรืออาจทำให้ฐานะครอบครัวตกต่ำลง ทางที่ดีควรหมั่นเก็บกวาดให้พื้นที่โดยรอบบ้านดู
สะอาดตาอยู่เสมอ
4.หากมีดอกไม้สีขาวหรือสีที่ใกล้เคียงกับสีขาวร่วงหล่นบนหลังคาบ้านเป็นอัปมงคล
ผิดหลักฮวงจุ้ย จะทำให้เกิดความทุกข์โศก
5.หากมีเถาวัลย์เลื้อยพันกำแพงบ้าน
จะส่งผลให้กิจการงานไม่ราบรื่นและติดขัดอยู่ตลอดเวลา
ด้วยลักษณะของเถาวัลย์ที่พันจะมองดูคล้ายกับมีอะไรมาฉุดดึงเอาไว้
6.หากมีกิ่งไม้ล้ำเข้าไปในบ้านหรือแผ่ปกคลุมหลังคาบ้าน
ถือว่าผิดหลักฮวงจุ้ยอย่างแรง เป็นอัปมงคล จะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยและอับโชค
7.ไม่ควรมีต้นไม้ขวางอยู่หน้าบ้าน เป็นอัปมงคล
ทำให้เกิดการขัดข้องทั้งทางร่างกายและจิตใจ
8.ควรปลูกต้นปาล์มหรือต้นสนข้างบ้านหรือหลังบ้านให้เป็นแถวและมีระเบียบ
จะช่วยให้มีความสุขและเจริญรุ่งเรือง
9.ภายในบริเวณบ้าน ไม่ควรปลูกต้นไม้ที่ให้ผล ยิ่งเป็นผลใหญ่ๆ ยิ่งไม่ควรปลูก
เพราะจะทำให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตและกิจการงาน
10.ควรปลูกดอกไม้หรือไม้ยืนต้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน
เพราะนอกจากจะเป็นการเสริมสิริมงคลแล้ว ยังก่อให้เกิดโชคลาภแก่ผู้อยู่อาศัยอีกด้วย
11.ควรปลูกดอกไม้สีแดงสดทางทิศใต้ของบ้าน
จะเป็นการกระตุ้นหรือส่งเสริมโชคลาภให้แก่คนในบ้าน
12.ควรปลูกต้นไม้ทางทิศตะวันตกของบ้าน
เพราะจะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย ทำให้อยู่เย็นเป็นสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก horolive.com